ในแต่ละปีมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า มากถึงปีละ 14 ราย และในปี 2561 ที่เพิ่งจะเข้าสู่ช่วงต้นปี ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าไปแล้วถึง 4 ราย ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากเลยทีเดียวค่ะ และสำหรับครอบครัวใดที่บริเวณใกล้เคียงมีสุนัขจรจัดอยู่ในละแวกด้วยแล้ว ก็ยิ่งต้องระวังลูกน้อยเป็นอย่างดี
ในวันนี้ “อบอุ่น” จะพาคุณพ่อ คุณแม่ ไปรู้จักกับความร้ายกาจของโรคพิษสุนัขบ้า ที่แฝงมากกับสัตว์หน้าตาน่ารัก พร้อมทั้ง วิธีป้องกันลูกน้อยให้ห่างไกลจากการถูกกัดและติดเชือโรคพิษสุนัขบ้า กันค่ะ
โรคพิษสุนัขบ้า
หรือที่เราคุ้นเคยกันว่า โรคกลัวน้ำ เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่มีสาเหตุมาจากการถูกสัตว์ประเภทเลี้ยงลูกด้วยนมกัดหรือข่วน โดยสาเหตุมักมาจากการถูกสุนัขกัด และสุนัขชนิดนั้นไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โดยเชื้อของโรคพิษสุนัขบ้านี้จะเข้าไปทำลายระบบประสาทส่วนกลาง และส่งผลอย่างหนักทำให้เสียชีวิตได้ค่ะ
อาการของโรคพิษสุนัขบ้า
เมื่อถูกสุนัขรวมไปถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดๆ อื่นๆ ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ากัดหรือข่วน รวมไปถึงแผลไปสัมผัสกับน้ำลายของสัตว์ติดเชื้อชนิดนั้นๆ ในช่วงหลังจากในรับเชื้อทันที จะยังไม่มีอาการใดๆ แสดงออกมาเพราะเป็นช่วงที่กำลังฟักเชื้อ แต่เมื่อผ่านไปในช่วง 2 – 12 สัปดาห์ ผู้ที่ได้รับเชื้อจะเริ่มมีอาการแสดงออกมา บางรายก็มีอาการแสดงออกเร็วภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งอาการเริ่มต้นจะคล้ายกับการ เป็นไข้หวัดใหญ่ และหลังจากนั้นจะพัฒนาจนทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งแบ่งอาการออกเป็น 2 ประเภทดังนี้ค่ะ
ประเภท อาการสมองอักเสบ
- กลัวน้ำ ไม่สามารถกลืนน้ำลายได้ กลืนอาหารลำบาก
- มีอาการเกร็งกล้ามเนื้อที่ลำคอ ใบหน้า หรือกล้ามเนื้อส่วนที่ใช้กลืน และหายใจ
- พูดไม่ชัด
- มีการหลั่งน้ำลาย และเหงื่อมากกว่าปกติ
- สมองอักเสบจะทำให้เกิดอาการประสาทหลอน สับสน กระสับกระส่าย และถึงขั้นโคม่าเสียชีวิตได้
ประเภท อาการอัมพาต
ประเภทนี้พบในผู้ติดเชื้อประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้เวลาแสดงอาการยาวนานกว่า อาการสมองอักเสบ ซึ่งอาการนี้จะส่งผลให้กล้ามเนื้อค่อยๆ อ่อนแรงลงและเป็นอัมพาต จนนำไปสู่อาการโคม่าและเสียชีวิตในที่สุดค่ะ
จะเห็นได้ว่า โรคพิษสุนัขบ้า ไม่ได้เป็นอันตรายแค่กับสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ชนิดอื่นๆ เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงขั้นสูญเสียต่อชีวิตกับมนุษย์อีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวที่เราควรจะเฝ้าระวังทั้งต่อตนเองและคนอื่นๆ ในครอบครัว โดยเฉพาะกับเด็กเล็กที่อาจจะไปคลุกคลีกับสัตว์ต่างๆ นอกบ้าน ซึ่งในฐานะผู้ปกครองแล้วเราก็ควรเฝ้าระวังให้ลูกน้อยอย่างใกล้ชิด โดยวิธีป้องกันนั้นก็ทำได้ไม่ยากเลยค่ะ
วิธีป้องกันเด็กๆ ให้ห่างไกลจากการติดโรคพิษสุนัขบ้า
1. นำสุนัข หรือแมว หรือสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงไว้ไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าทุกปี
หากครอบครัวท่านใดมีสัตว์เลี้ยงและเด็กเล็กอยู่ร่วมกัน ควรนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเจ้าสัตว์เลี้ยงน่ารักจะมีการติดเชื้อจากแหล่งใดมาหรือไม่ อีกทั้งยังป้องกันกรณีที่ลูกน้อยมีบาดแผลแล้วถูกสัตว์เลี้ยงเลียอีกด้วย เพราะเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าไม่ได้ติดต่อแค่การกัดหรือข่วนเท่านั้น แต่น้ำลายของสัตว์เลี้ยงก็สามารถติดต่อสู่คนได้ถ้าหากสัตว์ชนิดนั้นมีเชื้ออยู่ในตัวค่ะ
2. สอนให้เด็กไม่ไปยุ่งกับสัตว์แปลกหน้า ที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง
สำหรับสัตว์เลี้ยงของเราเองเรายังสามารถควบคุมเพื่อนำไปฉีดวัคซีนได้ แต่สำหรับสัตว์อื่นๆ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีการฉีดวัคซีนหรือว่ามีเชื้อพิษสุนัขบ้าหรือไม่ ฉะนั้น ควรสอนให้เด็กๆ ไม่เข้าไปเล่นกับสัตว์แปลกหน้าที่ไม่คุ้นเคย เพราะอาจจะถูกกัดหรือข่วนได้ค่ะ
3. สอนให้เด็กไม่ไปแหย่หรือยั่วยุ ทำให้สัตว์โกรธ
ควรสอนให้เด็กมีเมตตาต่อสัตว์ทุกชนิด ไม่ไปทำร้ายทุบตีสัตว์หรือแหย่ให้สัตว์โกรธ เพราะตามสัญชาตญาณของสัตว์แล้วเมื่อถูกทำร้ายเขาจะต้องป้องกันตัว อาจจะด้วยการเห่าหรือกัดซึ่งทำให้เด็กได้รับอันตรายได้และถ้าหากถูกสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของกัดด้วยแล้ว เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขามีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่
4. หากพบเห็นสัตว์ที่มีพฤติกรรมดุร้าย ควรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อนำไปตรวจสอบ
เนื่องจากสภาพแวดล้อมนอกบ้านไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การสังเกตและคอยเฝ้าระวังสัตว์ที่มีพฤติกรรมดุร้ายก็เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ โดยอาการดุร้ายนั้นดูได้จากการที่สัตว์มีอาการตาขวาง ฉุนเฉียว ไล่กัดสัตว์อื่น น้ำลายยืด หรือมีอาการชักกระตุก เดินเซ ซึ่งควรระวังให้ลูกน้อยอยู่ห่างไกลและรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่นำไปตรวจสอบ เพื่อป้องกันสัตว์ไปทำร้ายผู้อื่นและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อด้วยค่ะ
สัตว์จรจัดทุกชนิด เกิดจากการที่เจ้าของไร้ความรับผิดชอบต่อชีวิตสัตว์เลี้ยงตัวนั้นและต่อสังคม การปลูกฝังให้เด็กมีความรักผิดชอบตั้งแต่เล็ก ก็เป็นการปลูกฝังให้เขามีความรับผิดชอบต่อชีวิตหนึ่งชีวิตเช่นกัน และผู้ปกครองก็ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกเห็นด้วยนะคะ
ด้วยความปรารถนาดีจาก “อบอุ่น”
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : โรคพิษสุนัขบ้า