About OB-OON

เรื่องราวของ "อบอุ่น"

อบอุ่นกำเนิดจากการมีปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้มีความสนใจเกี๋ยวกับใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข นำธรรมชาติมาใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน ไม่ว่าการรับประทานอาหาร การพักผ่อน รวมทั้งทำสิ่งที่รัก

อบอุ่นจึงถือกำเนิดขึ้นด้วยใจรักและเป็นผลิตภัณฑ์เดียวในประเทศที่สร้างความแตกต่างด้วยส่วนผสม “Fruit enzyme” ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ 100% ธรรมชาติด้วยส่วนผสมจากออแกนิกและได้รับการรับรองมาตรฐานสากลจาก Bioagricert (Natural Bioagricert)จากประเทศยุโร 

ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน เมืองไทยยังไม่มีการรับรองมาตรฐานออแกนิก ( organic ) ที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ฉะนั้นสินค้าออแกนิก ( organic) ที่ผลิตขึ้นในไทย จะต้องได้รับการรับรองจากต่างประเทศ (อิตาลีหรืออเมริกา) “อบอุ่น”จึงยังต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศและบางส่วนจากในประเทศ และขอการรับรองมาตรฐานจากองค์กรมาตรฐานที่เป็นสากลอย่าง USDA (United States Department of Agriculture) และ Bio Agricert จึงถือว่าเป็นสินค้าที่ปลอดสารเคมีอย่างแท้จริง 

ความรักจากพ่อแม่เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการของลูก เริ่มตั้งแต่สิ่งที่ต้องสัมผัสกับลูกน้อย อาหารการกิน การเสริมสร้างทักษะ ฝึกฝนสร้างพฤติกรรมที่ดี และสิ่งต่างๆอีกมากมาย ซึ่งอบอุ่นมั่นใจว่าคุณแม่ ๆ ทั้งหลายจะต้องสรรหาสื่งที่ดีให้ลูกอย่างแน่นอน

“อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือสิ่งที่ต้องสัมผัสกับผิวลูก” เนื่องจากผิวเด็กแรกเกิด เป็นผิวที่แพ้และแห้งง่าย เป็นผิวที่ไม่อุ้มน้ำ เนื่องจากยังไม่เคยสัมผัสสภาวะแวดล้อมภายนอกมาก่อน สภาวะแวดล้อมปัจจุบันเต็มไปด้วยมลภาวะ แม้กระทั่งในบ้านของเราเองก็ตาม คุณแม่อาจคิดว่าไม่สำคัญใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้ แต่จากการวิจัย ผิวเป็นตัวรับอาหารชนิดหนึ่งอย่างดีทีเดียว ฉะนั้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% เป็นสิ่งสำคัญยื่งที่จะทำให้ผิวได้รับอาหารที่เป็นประโยชน์ รวมถึงสิ่งต่างๆที่ต้องสัมผัสหรือทำความสะอาดกับขวดนม จุกนม จุกเกลียว ถ้วยชาม อุปกรณ์ ของเล่น ของใช้ ฯลฯ ของลูกน้อย

เนื่องจากปัจจุบัน เทคโนโลยีเริ่มก้าวไกล มีการใช้สารเคมีมาเป็นส่วนประกอบจนเราเริ่มเคยชินและอาจจะลืมธรรมชาติที่แท้จริงไป ฉะนั้นชีวิตเกิดจากธรรมชาติ เราควรอยู่กับธรรมชาติ อบอุ่นเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

** รายได้ส่วนหนึ่งจากการซื้อผลิตภัณฑ์อบอุ่นจากลูกค้าทุกคน จะนำไปสมทบทุนให้กับมูลนิธิรามาธิบดี ซึ่งมีโครงการปลูกถ่ายตับจากพ่อแม่สู่ลูก, โครงการกองทุนเพื่อผู้ป่วยยากไร้ และอีกหลายๆโครงการ ในพระบรมราชนูปถัมป์ของพระสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเมื่อได้นำไป 

ขอบคุณจากใจ “อบอุ่น”


 

ได้มาตรฐานสากล

 

USDA Organic
 
ย่อมาจาก U.S. Department of Agriculture เป็นตรารับรองอาหารและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคของสหรัฐอเมริกา

ปัจจุบัน Organic Food หรือ อาหารอินทรีย์ กำลังเป็นที่นิยมในตลาดสหรัฐฯ โดยในปี 2545 ตลาดค้าปลีก Organic Food ในสหรัฐฯ มีมูลค่าถึง 6,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากปีก่อน สำหรับสินค้าที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่ ผักและผลไม้สด เครื่องดื่มที่ไม่ใช่นม ขนมปังและธัญพืช อาหารบรรจุหีบห่อ (อาหารแช่แข็งและอาหารแห้ง อาหารสำหรับทารก และขนมหวาด) ผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (United States Department of Agriculture: USDA) ได้กำหนดมาตรฐานในการปิดฉลากสินค้า Organic Food ที่นำเข้า โดยมีสาระสำคัญดังนี้

สินค้าที่จัดเป็น Organic Food ตามมาตรฐาน USDA ได้แก่ สินค้าที่ไม่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมหรือฆ่าเชื้อโรคโดยการฉายรังสี พืชที่ปลูกด้วยดินที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยมูลสัตว์ เนื้อสัตว์และไข่ที่มาจากสัตว์ที่ไม่ใช้ฮอร์โมนช่วยในการเติบโตและไม่ใช้ยา ปฏิชีวนะ ยกเว้นการให้อาหารเสริมประเภทวิตามินหรือแร่ธาตุ รวมทั้งต้องได้รับการเลี้ยงดูด้วยอาหารสัตว์ที่เป็น Organic เป็นต้น

ลักษณะของฉลาก จะมีคำว่า USDA Organic อยู่ภายในวงกลม

สินค้าที่สามารถขอปิดฉลาก แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

  • สินค้าที่มีส่วนผสมเป็นออร์แกนิค ( Organic )100%
  • สินค้าที่มีส่วนผสมเป็นออรืแกนิค ( Organic ) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95
  • สำหรับสินค้าที่มีส่วนผสมเป็นออร์แกนิค ( Organic ) ต่ำกว่าร้อยละ 95 จะไม่ได้รับการประทับตรา USDA Organic แต่ถ้ามีส่วนผสมเป็นออร์แกนิค ( Organic )ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 สามารถระบุว่าใช้ส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิค ( Organic )ได้ เช่น Made with Organic Ingredients หรือถ้ามีส่วนผสมเป็นออร์แกนิค ( Organic ) ต่ำกว่าร้อยละ 70 สามารถระบุว่ามีส่วนผสมบางส่วนเป็นออร์แกนิค ( Organic )ได้ เช่น Some Organic Ingredients 

ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง 

http://www.usda.gov/wps/portal/usda/usdahome
http://en.wikipedia.org/wiki/Organic_certification

`

Bio organic และ Natural Bioagricert

Bioagricert เป็นหน่วยงานอิสระหน่วยงานแรกที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงเกษตรของประเทศ อิตาลี ในการควบคุมสินค้าเกษตรอินทรีย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารอินทรีย์ ตามข้อตกลงของกลุ่มประเทศยุโรปข้อที่ 2092/91 
 
ไบโออะกริเสิร์ช(ไทยแลนด์) จำกัด เป็นผู้ให้การรับรองมาตรฐาน (Certification Body) มาจาก Bioagricert S.r.l. ประเทศอิตาลี เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการตรวจสอบ และการเป็นผู้ให้การรับรองการผลิตสินค้าอินทรีย์ ซึ่งได้รับการยอมรับและแต่งตั้งโดยหน่วยงานซึ่งดูแลเกี่ยวกับการให้การรับรองในยุโรป ซึ่งรับรองโดย IFOAM ตามข้อตกลงมาตรฐาน ISO 65 และ มาตรฐาน EN 45011
 
Bioagricert เป็นหน่วยงานอิสระหน่วยงานแรกที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงเกษตรของประเทศอิตาลี ในการควบคุมสินค้าเกษตรอินทรีย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารอินทรีย์ ตามข้อตกลงของกลุ่มประเทศยุโรปข้อที่ 2092/91
 
Bioagricertเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์ของประเทศอิตาลีตั้งแต่ปีค.ศ.1984 นับตั้งแต่ช่วงเวลานั้นจนถึงปัจจุบันBioagricert ได้สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการทำงานด้วยความซื่อตรง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์สูงสุดของบริษัทคือการสนับสนุนและพัฒนาเพื่อให้ได้เกษตรอินทรีย์และสินค้าอินทรีย์คุณภาพสูงสุด
 
Bioagricert เริ่มต้นการเป็นผู้ให้การรับรองผลิตภัณฑ์อินทรีย์จาก Bioagricoop จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2002 บริษัท Bioagricert แยกตัวเป็นอิสระจาก Bioagricoop เพื่อเป็นองค์กรควบคุมและออกใบรับรองโดยได้รับการรับรองจากกระทรวงเกษตรของประเทศอิตาลี Bioagricert เป็นหน่วยงานใหม่ที่ได้แยกตัวมาจาก Bioagricoop ซึ่งมีประสบการณ์ในการควบคุมและออกใบรับรอง ดังนั้นชื่อของ Bioagricert จึงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในการให้การรับรองผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ( Organic ) จากประสบการณ์การทำงานกว่า 20 ปี Bioagricert ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการทำงานอย่างตรงไปตรงมา ความสามารถในการช่วยเหลือลูกค้าในด้านข้อมูลและด้านต่างๆโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา และเรายังคงพัฒนาและวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับกับเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
 
Bioagricert ได้เริ่มขึ้นที่ประเทศอิตาลี เมื่อมีการบุกเบิกการทำเกษตรแบบอินทรีย์ ในปี ค.ศ. 1984 ภายใต้ชื่อ Bioagricoop ซึ่งเป็นกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางทางการเกษตร และผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร ซึ่งเริ่มจากการทำงานเป็นผู้ตรวจสอบอิสระ และหน่วยงานผู้ให้การรับรองที่ให้บริการแก่บริษัทต่างๆที่สนใจเข้าร่วมโครงการ
 
ในปี ค.ศ. 1985 Bioagricoop ได้เข้าเป็นสมาชิกของ IFOAM ซึ่งเป็นองค์กรนานาชาติที่เคลื่อนไหวในการกำหนดมาตรฐาน และระบบการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อินทรีย์ ในปี ค.ศ. 1996 Bioagricoop ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์กรแรกที่ได้การรับรองจาก IFOAM ให้เป็นผู้ให้การรับรองและออกใบรับรองเกษตรอินทรีย์ในส่วนของพืชและสัตว์ และผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการแปรรูปและผลผลิตที่เก็บเกี่ยวจากธรรมชาติใน Mediterranean Europeทั้งหมด
 
ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง
 
Bioagricert –
http://www.bioagricert.org/english/
http://www.bioagricert-thai.org/

ฉลากสิ่งแวดล้อมประเภทที่ 2 (ISO14021)

ฉลากสิ่งแวดล้อมประเภทที่ 2 (ISO14021) หรือ Eco-product เป็นฉลากที่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย หรือ ผู้ส่งออก จะเป็นผู้บ่งบอกความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือแสดงค่าทางสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ตนเอง (Self-declared Environmental Claims)  ซึ่งอาจจะแสดงในรูปของข้อความ หรือสัญลักษณ์ รูปภาพ เช่น การใช้พลังงานอย่างประหยัด การนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น โดยฉลากนี้ จะไม่มีองค์กรกลางในการดูแล แต่ทางผู้ผลิต จะต้องสามารถหาหลักฐานมาแสดงเมื่อมีคนสอบถาม ดังนั้น ฉลากประเภทนี้ผู้ผลิตสามารถทำการศึกษาหรือประเมินผลได้ด้วยตนเอง

นอกจากนั้นแล้ว การจัดทำเกณฑ์ฉลากสิ่งแวดล้อมประเภทที่ 2 ยังสามารถส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยอุตสาหกรรมชุมชนและวิสาหกิจชุมชนอันเป็นฐานการผลิตหลักของ ประเทศ ให้มีความสามารถในการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการการผลิต มีองค์ความรู้ในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปยังผู้บริโภคเพื่อใช้ในการตัดสินใจ ในการเลือกซื้อ เลือกใช้ สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องด้วยฉลากสิ่งแวดล้อมประเภทที่ 2 มีแนวทางในการประเมินที่ชัดเจน ไม่ซับซ้อน และสามารถเข้าใจโดยง่าย กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าวและมอบหมายให้ศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (eXcellent Center for Eco Products : XCEP) ภายใต้ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC - NSTDA)  พัฒนาแนวทางการการจัดทำฉลากประเภทที่ 2 และประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์นำร่องเพื่อเป็นกรณีศึกษาของประเทศไทย อีกทั้งยังมีการฝึกอบรม ให้ความรู้และส่งเสริมการดำเนินงานของผู้ประกอบการให้สามารถผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านกลไกตลาดสีเขียวซึ่งมีการขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง
http://www.thaiecoproduct.com/


 

 

ความห่วงใยของเรา

กว่าจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์อบอุ่น นอกจากมาตรฐานออแกนิก (USDA & Bioagricert) ที่ทางอบอุ่นได้รับการรับรองแล้ว ยังต้องมีการทำวิจัยกับผู้เชียวชาญหลายรอบ จนกระทั่งมั่นใจได้ว่าอ่อนโยนและไม่เป็นอันตรายต่อเด็กจริง เราจึงมั่นใจได้แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์จะไม่ทำการระคายเคืองกับผิวบอบบาง เนื่องจากผิวเด็กแรกเกิด เป็นผิวที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน เป็นผิวที่ไม่อุ้มน้ำ เพราะยังไม่เคยสัมผัสสภาวะแวดล้อมภายนอกมาก่อน สภาวะแวดล้อมปัจจุบันเต็มไปด้วยมลภาวะ แม้กระทั่งในบ้านของเราเองก็ตาม คุณแม่อาจคิดว่าไม่สำคัญใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้ แต่จากการวิจัย ผิวเป็นตัวรับอาหารชนิดหนึ่งอย่างดีทีเดียว ฉะนั้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% และปราศจากสารต้องห้ามและสารที่อาจก่อให้การระคายเคือง เป็นสิ่งสำคัญยื่งที่จะทำให้ผิวได้รับอาหารที่เป็นประโยชน์ รวมถึงสิ่งต่างๆที่ต้องสัมผัสหรือทำความสะอาดกับขวดนม จุกนม จุกเกลียว ถ้วยชาม อุปกรณ์ ของเล่น ของใช้ ฯลฯ ของลูกน้อย

ผลิตภัณฑ์อบอุ่นปราศจากสารเคมีต้องห้ามและสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง

Petrochemicals

เมื่อทาบนผิวจะเป็นตัวกั้นไม่ให้ผิวหนังมีการระบายอากาศและทำให้อุดตันรูขุมขน

Sodium Laureth Sulfate, Sodium Lauryl Sulfate

สารพวกนี้ก็ทำหน้าที่ตามชื่อของมัน คือทำความสะอาดผิว (detergent) นำคราบสกปรกออกไป แต่ในขณะเดียวกันมันก็จะทำให้ผิวเราเองเป็นสิวได้ในบางคน ยิ่งถ้าล้างน้ำออกไม่สะอาดด้วยแล้ว จะเป็นสิวและแพ้ได้ง่ายขึ้น

Paraben

พปได้ทั่วไปในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ใช้เพื่อเป็นสารกันเสีย ยึดอายุของผลิตภัณฑ์ (shelf life) แต่สารเคมีที่มีฤทธิ์ antimicrobial chemicals มีผลทำลาย hormone

Formaldehyde

มักจะรู้จักกันในชื่อ ฟอร์มาลีน สารซึ่งเป็นน้ำยาสำหรับรักษาสภาพศพ หรือก็คือ ฟอร์มัลดีไฮด์ที่ละลายน้ำ ข้อสำคัญ ถ้าเราบริโภคสารนี้โดยตรงจะเกิดอาการเป็นพิษเฉียบพลัน ปวดท้อง อาเจียน อุจจาระร่วง หมดสติ และอาจถึงแก่ชีวิตในที่สุด แต่ถ้าได้รับสารระเหยในจำนวนน้อย อาจเกิดอาการระคายเคืองได้ เช่นแสบตา หรือแสบจมูก แต่ในระยะยาวจะทำให้เกิดผลเสียกับระบบร่างกายต่างๆ หรือก่อให้เกิดมะเร็งได้

EDTA (ethylenediaminetetraacetic acid)

สารป้องกันการเปลี่ยนสี,สารกันเสีย โดยทางวิทยาศาสตร์สาร EDTA มีประโยชน์ในทางการแพทย์ ถ้าใช้ในอัตราส่วนที่เหมาะสม แต่อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวและตาได้

Chemical Preservative

วัตถุกันเสียที่ทำจากเคมีที่เป็นพิษ การใช้สารกันบูดที่ทำจากเคมีที่เป็นพิษอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้ หากใช้ในปริมาณที่เกินกำหนด จะมีผลทำให้ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ ในรายที่มีอาการรุนแรงจะทำให้เม็ดเลือดแดงหมดสภาพในการพาออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย จะเกิดอาการตัวเขียวหายใจไม่ออก และอาจถึงตายได้ นอกจากนี้ยังเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย อย่างไรก็ตามแต่แนวโน้มของสารกันเสียธรรมชาติ หรือกลุ่มเคมีที่ไม่เป็นพิษ กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งสามารถใส่ได้ปริมาณที่พอเหมาะและไม่เป็นอันตราย

Silicone

เกี่ยวกับผิวหนัง - มักถูกนำมาใช้กับสบู่ซึ่งช่วยทำให้ผิวหนังนุ่มนวลขึ้น
เกี่ยวกับเส้นผม - ใช้กับยาสระผมและครีมนวดผมเพื่อให้รู้สึกนุ่มลื่น ช่วยเคลือบเส้นผมให้ดูนุ่มสลวย แต่กลับไม่มีประโยชน์ใดๆเลยในระยะยาว
เมื่อใช้ไปนานๆ อาจเกิดการสะสมในตับ และต่อมน้ำเหลืองซึ่งสามารถเป็นตัวเร่งการเกิดเนื้องอกและ มะเร็งได้ ฉะนั้นไม่ควรใช้ครีมที่มีซิลิโคนผสม โดยเฉพาะครีมอาบน้ำ ยาสระผม/บำรุงผม ที่มีซิลิโคน ควรเลี่ยงการใช้เด็ดขาด

Colorant

ทำจาก coal tar มีส่วนผสมของเกลือโลหะหนักซึ่งอาจจะทำให้เกิดการสะสมของสารพิษในผิวหนัง ทำให้เกิดภาวะผิวไวและระคายเคือง การศึกษาในสัตว์พบว่าสารกลุ่มนี้ทั้งหมดเป็นสารก่อมะเร็ง 

Artificial fragrance

น้ำหอม เกิดจากการที่เรานำเอาสารละลายหอมระเหยที่ทำจากน้ำมันกับแอลกอฮอล์มาผสมกัน จึงแปลได้ว่า ไม่ว่าตัวทำความหอมจะมาจากการสังเคราะห์หรือจากธรรมชาติ กว่า 95 เปอร์เซ็นต์ของมัน คือที่มาจากการสังเคราะห์จากปิโตรเคมี ซึ่งเป็นสารพิษที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง และสามารถเข้าไปทำลายระบบประสาทส่วนกลางจนทำให้เกิดผลต่างๆ ได้เช่น ซึมเศร้า ตื่นตัว หรือระคายโพรงจมูกได้ ฉะนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม (Fragrance Free) ซึ่งเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้ เพราะมีงานวิจัยบอกด้วยว่า คนเราสามารถพัฒนาการแพ้น้ำหอมได้และนำไปสู่การเป็นโรคหอบหืดได้ไม่ยาก Learn more: http://www.naturalnews.com

No  animal testing

สหภาพยุโรปประกาศห้ามการทดลองในสัตว์ตั้งแต่มีนาคม 2009 เป็นต้นไป ถือว่าเป็นการทารุณสัตว์